ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คีย์แมน “สิงโตคำราม”

หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้คงไม่มีใครเชื่อว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกจะเป็นผู้เล่รที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษภายใต้การนำทัพของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต เข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศศึก EUFA EURO 2020

มีหลายคนวิจารณ์ฟอร์มของ สเตอร์ลิ่ง ว่าขาดความสม่ำเสมอ และไม่น่าจะพาอังกฤษไปได้ไกลนัก แต่สำหรับ เซาธ์เกต เขาคิดต่างออกไปโดยให้สัมภาณ์ว่า “ราฮีม เป็นนักสู้ และเขาต้องต่อสู้เพื่อสโมสร และก็ทีมชาติ”  

ก่อนยูโรครั้งนี้จะเริ่มขึ้นแฟนบอลอังกฤษหลายคนไม่คิดว่า สเตอร์ลิ่ง ดีพอที่จะเป็นตัวจริง เนื่องจากส่วนหนึ่งมีข่าวระบุว่า เขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปนของ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลหน้า

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลับสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้ง

นอกจากนี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว สเตอร์ลิ่ง ไม่ได้ลงเล่นให้อังกฤษติดต่อกัน 3 เกม โดย เซาธ์เกต มอบโอกาสให้นักเตะสายเหลือดใหม่อย่าง จาดอน ซานโช่, บูกาโย่ ซาก้า และ แจ็ค กรีลิช ได้ลงสนาม

อย่างไรก็ตาม เซาธ์เกต อธิบายถึงกรณีที่ไม่ส่ง สเตอร์ลิ่ง ลงสนามว่า “มันไม่มีปัญหาอะไรเลย สถิติที่ผ่านมาของเขาชี้ให้เห็นว่า เราควรมีศรัทธากในตัวเขาเหมือนเดิ เขามีความยืดหยุ่น และมีความกระหายอย่างไม่น่าเชื่อ”

ขณะเดียวกัน สเตอร์ลิ่ง ก็ไม่แคร์เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อตัวเขา และแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เขามีคุณภาพเพียงใดหลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดเปิดสนามกับ โครเอเชีย ด้วยการเป็นคนซัดประตูชัยให้กับ อังกฤษ เฉือนเอาชนะ 1-0

สเตอร์ลิ่ง ลงสนามด้วยความมุ่งมั่น และกระหายทุกนาที เขาเป็นตัวอันตรายอย่างยิ่งสำหรับแนวรับคู่แข่ง และกลายเป็นกำลังสำคัญในเกมรุกของอังกฤษร่วมกับ แฮร์รี่ เคน, เมสัน เมาท์ และ ซาก้า ตลอดหลายเกมที่ผ่านมา

พัฒนาขึ้นการเล่นอย่างมาก

ปีก แมนฯ ซิตี้ ซัดให้อังกฤษแล้ว 3 ประตู และถึงแม้เขาอาจไม่ได้เป็นดาวซัลโวในศึกยูโรหนนี้ แต่สเตอร์ลิ่ง ก็เป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นลำดับแรกๆ  และตอนนี้เขาก็กลาบยเป็นแนวรุกระดับท็อปอย่างเต็มตัวแล้ว

เมื่อเกมรุกอังกฤษดูตื้อตัน สเตอร์ลิ่ง จะเป็นคนจุดประกายเพื่อนร่วมทีม เขาสามารถครองบอล เลี้ยงบอล และเคลื่อนที่หาช่องได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงยังมีทีเด็ดจากจังหวะวิ่งทะลุแนวรับคู่แข่งเข้าไปจบสกอร์ด้วยตัวเอง

สเตอร์ลิ่ง ยังคงเติบโตขึ้น และเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเขาสามารถเอาชนะกองหลังคู่ต่อสู้หลายต่อครั้ง และจากเมื่อก่อนที่โดนวิจารณ์ว่า เป็นผู้เล่นที่เห็นแก่ตัวนั้น ตอนนี้ ดาวเตะวัย 26 ปี เล่นเพื่อทีมมากขึ้นทั้งในเกมรุก-เกมรับ

ตัวรุก “เรือใบสีฟ้า” ไม่ใช่ผู้เล่นที่แก่ที่สุดในทีมชาติอังกฤษชุดนี้ แต่เขามีประสบการณ์มากที่สุดเป็นลำดับแรกๆ และในยูโรหนนี้ก็นับเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติครั้งที่ 4 ของเขากับพลพรรค “สิงโตคำราม” แล้ว

เอาชนะคำวิจารณ์

ย้อนกลับไปในฟุตบอลโลกในปี 2018 สเตอร์ลิ่ง ก็เป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ อังกฤษ เข้าไปถึงรอบรองฯ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องพ่ายให้กับ โครเอเชีย 1-2 และสิ่งที่หนีไม่พ้นคือ เขาก็โดนวิจารณ์อย่างหนักหลังจบทัวร์นาเมนท์แม้จะทำผลงานได้ดีก็ตาม

เซาธ์เกต กล่าวถึง สเตอร์ลิ่ง ที่เอาชนะคำวิจวรณ์ได้สำเร็จว่า “เรารู้ดีว่าเขาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ และผมมีความสุขมากสำหรับเขาที่สามารถแสดงผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ ตอนนี้เขากำลังเจอความท้าทายครั้งสำคัญ”

ในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้จะเจอมรสุมถาโถมอย่างมากมาย แต่ สเตอร์ลิ่ง ก็ไม่สนใจ และก้มหน้าห้มตาพิสูจน์ฝีเท้าของตัวเองต่อไป และในที่สุด ปีกจาก แมนฯ ซิตี้ คนนี้ก็ทำสำเร็จ และแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นนักฟุตบอลชั้นยอดของอังกฤษในยุคปัจจุบัน