สิ่งที่ทัพ “วิสกี้” เรียนรู้จากยูโร 2020

หลังจากห่างหายจากเวทีฟุตบอลรายการระดับชาติเป็นเวลานานถึง 23 ปี ทีมชาติสกอตแลนด์ ก็สามารถผ่านเข้ามาเล่นในเรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จ แต่ 9 วันที่ได้เล่นใน EUFA EURO 2020 หนนี้ พลพรรค “วิสกี้” ได้บทเรียนที่แสนสาหัสกลับไปด้วยการตกรอบแรก

อย่างไรก็ตาม ลูกทีมของกุนซือ สตีฟ คลาร์ก ได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่าไปไม่มากก็น้อย และมันก็ทำให้นักเตะสกอตแลนด์หลายต่อหลายคนมีความกระหายมากขึ้นเพื่อต่อยอดลุ้นเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 และนี่คือสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จากการกลับมาเล่นในรายการใหญ่อีกครั้ง

1. บิลลี่ กิลมัวร์ อนาคตของ ทีมชาติสกอตแลนด์

สกอตแลนด์ ไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการไปถึงรอบน็อกเอาต์ได้ แต่เกมที่บุกไปเสมอกับ อังกฤษ 0-0ที่สนามเวมบลีย์ นั้น พวกเขาทำผลงานได้น่าประทับใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิลลี่ กิลมัวร์ กองกลางดาวรุ่งจาก เชลซี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น

มิดฟิลด์วัย 20 ปี เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในสนาม แต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สามารถรับมือกับความกดดันได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่น่าเสียดายคือ เกมสุดท้ายที่ สกอตแลนด์ พ่าย โครเอเชีย 1-3 นั้น กิลมัวร์ ไม่ได้ลงสนามหลังตรวจพบเชื้อโควิด-19

ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจะกลับมาเล่นอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้ และแน่นอนว่า กิลมัวร์ จะกลับมาเป็นตัวเลือกแรกในแดนกลางของ สกอตแลนด์ และพลพรรค “วิสกี้” จะเป็นทีมที่ดีกว่าเดิมเมื่อมีดาวรุ่งคนนี้อยู่ในสนาม

2. จบสกอร์ให้เฉียบขาดกว่านี้

การสร้างโอกาสไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ สกอตแลนด์ ซึ่งรอบแบ่งกลุ่มยูโรทั้ง 3 เกม ลูกทีมของ คลาร์ก มีโอกาสทำประตูถึง 41 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 12 ครั้ง แต่ทำได้เพียงลูกเดียว และนี่คือ ปัญหาใหญ่ที่พวกเขาต้องกลับไปแก้ไข

เมื่อโอกาสมาถึง สกอตแลนด์ มักจะพลาดไปอย่างง่ายๆ ดังนั้น พวกเขาต้องเรียนรู้ว่า การเผชิญหน้ากับคู่แข่งระดับนี้ไม่ได้มีโอกาสมาบ่อยๆ ซึ่งช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสามารถชี้ขาดผลการแข่งขันให้กับทีมได้เลย

กองหน้าอย่าง ลินดอน ไดเคส และ เช อดัมส์ เป็นผู้เล่นฝีเท้าดี และกระตือรือร้นตลอดเวลา แต่พวกเขาควรเพิ่มความเฉียบคมให้มากกว่านี้เมื่อโอกาสมาถึง

3. ปรับเปลี่ยนวิธีการเล่น

ความพ่ายแพ้ทั้ง 2 เกมของ สกอตแลนด์ ในยูโรครั้งนี้มีประเด็นส่วนใหญ่ที่หลายคนพูดถึงก็คือ การเล่นบอลยาวของพวกเขาจากแนวรับไปสู่กองหน้าทันที ซึ่งมันส่งผลต่อการครอบครองเกมในแดนกลางอย่างชัดเจนอาทิ ในเกมกับ สาธารณรัฐเช็ก และ โครเอเชีย ที่ “วิสกี้” ไม่สามารถควบคุมเกมได้

นักเตะ สกอตแลนด์ ต้องใช้พลังงานหนักมากในการไล่บอลกลับคืนมา โดย แกรม ซูเนสส์ อดีตกองกลางกัปตันทัพ “วิสกี้” ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า แท็คติคของ คลาร์ก โบราณเกินไปจนไม่สามารถรับมือกับฟุตบอลสมัยใหม่ได้

 สกอตแลนด์ มีกองกลางฝีเท้าดีหลายคนอย่าง กิลมัวร์, จอห์น แมคกินน์ ของ แอสตัน วิลล่า และ คัลลัม แม็คเกรเกอร์ ของ กลาสโกว์ เซลติก ที่สามารถครองบอลได้อย่างสบายๆ ดังนั้น คลาร์ก ต้องปรับแท็คติคให้เหมาะสมโดยเร็วที่สุด

4. เพิ่มประสบการณ์

นักเตะ สกอตแลนด์ ในทีมชุดนี้หลายคนยังอายุน้อย และยังไม่เคยลงเล่นในรายการใหญ่มาก่อนเลย ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์ที่พวกเขาจะตกรอบแรกในการเจอกับ 3 ทีมอย่าง เช็ก, อังกฤษ และ โครเอเชีย ที่มีนักเตะระดับแนวหน้าของยุโรป

ขณะเดียวกัน พวกเขายังมีความผิดพลาดส่วนบุคคลในการเล่นอยู่บ้าง แต่ความผิดพลาดอันเจ็บปวดเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของช่วงการเรียนรู้ที่พวกเขาไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก และมันจะทำให้พวกเขากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

5. ทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องต่อยอดจากยูโร 2020

แฟนบอล สกอตแลนด์ ส่วนใหญ่มีหลากหลายอารมณ์ผสมกันไป โดยส่วนหนึ่งรู้สึกภาคภูมิใจที่นักเตะเข้ามาสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จแม้จะตกรอบแรกก็ตาม แต่อีกส่วนหนึ่งเรียกร้องให้ คลาร์ก ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า คลาร์ก จะได้ไปต่อหรือไม่ สกอตแลนด์ มีผู้เล่นอนาคตไกลรอให้ขัดเกลาฝีเท้าอยู่หลายรายไม่ว่าจะเป็น กิลมัวร์, นาธาน แพตเตอร์สัน แบ็คขวาวัย 19 ปี ของ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส รวมถึง เดวิด เทิร์นบูลล์ กองกลางวัย 21 ปี ของ เซลติก

ขณะเดียวกัน นักเตะชุดลุยยูโร 2020 จาก 26 คนที่ คลาร์ก เรียกมานั้น มีเพียงนายทวาร 3 คน และ เดคลัน กัลลาเกอร์ เซ็นเตอร์แบ็คที่อายุเกิน 30 ปี ซึ่งส่วนใหญ่นักเตะพวกเขายังอายุน้อย และมีเวลาไล่ล่าความสำเร็จอีกหลายปีที่เดียว