คาริม เบนเซม่า กับการเกิดใหม่ในทัพ “ตราไก่”

ทีมชาติฝรั่งเศสชุดลุยศึก EUFA EURO 2020 ภายใต้การนำของเทรนเนอร์ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ มีผู้เล่นดาวดังมากมายหลายคนจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ซึ่งนักพนันทั้งหลายเลือกให้พวกเขาเป็นเต็ง 1 ในรายการนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เรียกตัว คาริม เบนเซม่า ดาวยิง เรอัล มาดริด กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง

เบนเซม่า ถูก เดสชองส์ เรียกตัวกลับสู่ทัพ “ตราไก่” อีกครั้งในรอบ 6 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาสร้างคดีความเรื่องการปล่อยคลิปฉาวของ มาติเยอ วัลบูเอน่า มิดฟิลด์เพื่อนร่วมชาติ และยังเคยโจมตี เดสชองส์ เรื่องการเหยียดเชื้อชาติอีกด้วย

หากมองตามความเป็นจริงมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ เบนเซม่า จะถูกเรียกตัวกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง และแน่นอนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับ เดสชองส์ เข้าขั้นตรึงเครียดอย่างหนักจนหลายคนมองว่า ฟางเส้นสุดท้ายกับ “ตราไก่” สิ้นสุดลงไปแล้ว

คาริม เบนเซม่า กับ คลิปฉาว และรอยร้าว

ย้อนกลับไปในปี 2015 กองหน้า มาดริด ถูกกล่าวหาว่า เป็นคนปล่อยคลิปเซ็กแบล็กเมล์ วัลบูเอน่า โดย เบนเซม่า ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมที่คอยกดดันให้ วัลบูเอน่า จ่ายเงินให้กับคนปล่อยคลิปดังกล่าว ซึ่งเป็นคดีความโด่งดังทั่วเมืองน้ำหอม

ขณะเดียวกัน มานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในเวลานั้นออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เบนเซม่า ไม่มีที่ยืนในทีมชาติอีกแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากขึ้นศาล หัวหอก “ราชันชุดขาว” แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยืนยันว่า เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบล็กเมล์ วัลบูเอน่า

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของ เดสชองส์ กับ เบนเซม่า ก็พังทลายไปก่อนศึกยูโร 2016 จะเริ่มขึ้นหลังจาก เบนเซม่า กล่าวหาว่า เดสชองส์ เป็นคนเหยียดเชื้อชาติจึงไม่ต้องการให้เขาซึ่งมีเชื้อสายแอลจีเรียมีส่วนร่วมพลพรรค “ตราไก่”

หมดอนาคตกับทีมชาติฝรั่งเศส

เมื่อปี 2019 โนเอล เลอ เกรท ประธานสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตของ เบนเซม่า ว่า “การผจญภัยของ เบนเซม่า กับ ฝรั่งเศส มันจบลงแล้ว” ซึ่ง เบนเซม่า ก็ตอบโต้อย่างดุเดือดว่า “ถ้าคุณคิดว่าผมหมดอนาคต ผมก็จะไปเล่นให้กับประเทศที่ผมมีสิทธิ์เล่น และเราจะได้เห็นกัน”

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนเรียกร้องให้ เบนเซม่า กลับมารับใช้ฝรั่งเศสอีกครั้ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซีเนดีน ซีดาน โค้ช มาดริด และเป็นอดีตตำนานเพลย์เมคเกอร์ทัพ “ตราไก่” ซึ่งกล่าวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า “มีหลายคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่ เบนเซม่า รู้ดี”

แน่นอนว่า ผลงานในสนามกับ มาดริด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ เบนเซม่า ถูกเรียกตัวกลับมาติดทีมชาติฝรั่งเศสอีกครั้งหลังเจ้าตัวระเบิดฟอร์มด้วยการซัดไปถึง 39 ประตู จาก 46 เกมรวมทุกรายการให้กับพลพรรค “ราชันชุดขาว”

หวนสู่ทัพ “ตราไก่”

ไม่ใช่ว่า ฝรั่งเศส จะขาดคุณภาพเมื่อไม่มี่ เบนเซม่า อยู่ในทีม โดยพวกเขาเป็นรองแชมป์ยูโรปี 2016 และยังสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 ได้ด้วย แต่ในที่สุด เดสชองส์ ก็ตัดสินใจเรียกกองหน้าวัย 33 ปี กลับมาสู่ทีมอีกครั้งในศึกยูโรหนนี้

เดสชองส์ อธิบายว่า “ทุกคนสามารถทำผิดพลาดได้ ผมมีความสัมพันธ์ที่ยากลำบากกับผู้เล่นบางคนแต่ทีมชาติฝรั่งเศสอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ผมใช้เวลาคิดวิเคราะห์ความรู้สึกในเรื่องงานของตัวเอง และไม่ต้องแปลกใจ ผมไม่เคยพูดว่า คาริม ไม่มีสิทธิ์มาเล่นทีมชาติฝรั่งเศส เราย้อนเวลาไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือ เราเคยร่วมงานกัน ผมต้องการให้เขากลับมา และเขาก็อยากกลับมา”

“ในหัวของผม ผมได้ตัดสินใจไปเมื่อนานมาแล้ว มีการพูดคุยกันมากมาย รวมถึงชั่งน้ำหนักข้อดี และข้อเสียต่างๆ ซึ่งผมมันทำอย่างรอบคอบมาก แต่มันเป็นเพียงแค่เรื่องระหว่างตัวเอมกับ คาริม เท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนี้”

การกลับมาของ เบนเซม่า ส่งผลให้ฝรั่งเศสมีแนวรุกที่น่ากลัวที่สุดทีมหนึ่งในยุโรครั้งนี้ โดยหัวหอกวัย 33 ปี จะได้เล่นในแดนหน้าร่วมกับ คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ และ อองตวน กรีซมันน์ และยังมี คิงสลีย์ โกม็อง, อุสมาน เดมเบเล่ รวมถึง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นตัวสแตนบาย ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่ “ตราไก่” จะกลายเป็นเต็ง 1 เมื่อ เบนเซม่า กลับมาสู่ทีม