ความท้าท้ายของ “เจิด” กับ เรนเจอร์ส

สตีเว่น เจอร์ราร์ด กุนซือ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส สโมสรดังแห่งสก็อตแลนด์ต้องการจะคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการใหญ่ให้ได้ในฐานะผู้จัดการทีม และเขาก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญกับความท้าทายในการพา “เดอะ ไลท์บลูส์” สู้ศึกฤดาลหน้า

หลังจากสิ้นสุดการรอคอยอย่างยาวนาน 10 ปีของ เรนเจอร์ส ในการคว้าแชมป์สก็อตติชพรีเมียร์ลีกด้วยการนำของ เจอร์ราร์ด ซึ่งนับแชมป์สมัยที่ 55 ของสโมสรนั้น โค้ชหนุ่มวัย 41 ปี ก็อยากจะพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลในประเทศ และลุ้นไปเล่นในถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย

สัมผัสแชมป์ครั้งล่าสุดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยการพาพลพรรค “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีก คัพ เมื่อปี 2012 ก่อนจะมาคว้าแชมป์ในฐานะกุนซือกับ เรนเจอร์ส เมื่อปีที่แล้ว

อดีตมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล กล่าวว่า “ผมไม่ได้คว้าแชมป์มานานแล้ว ตลอดอาชีพค้าแข้งของผม ผมเคยเข้าแข่งขันในนัดชิงฯมาหลายครั้งแล้ว และก็พยายามจะคว้าแชมป์มาให้ได้ และผมก็ไม่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฐานะนักเตะได้เลย”

“หลังจากนั้นผมก็ย้ายไปเล่นกับ แอลเอ กาแล็กซี่ และกลับมาเริ่มเป็นโค้ชให้กับทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล เวลามันผ่านไปนานโดยที่ผมไม่มีโอกาสลุ้นแชมป์จริงๆจังๆเลย ผมรับงานกับ เรนเจอร์ส เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และมันทำให้ผมมีโอกาสอีกครั้งในการพยายามแข่งขัน และคว้าแชมป์มา”

“การรอคอยนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะมันให้ความรู้สึกดีมากหลังจากคว้าแชมป์สก็อตติชพรีเมียร์ลีก ได้ มันทำให้ผมโล่งใจมากๆที่ทำสำเร็จกับการคว้าแชมป์ใหญ่รายการแรกในญานะผู้จัดการทีม ตอนนี้ผมยังคิดถึงแต่ชันชนะ และการคว้าแชมป์อีกครั้ง”

“ถ้าคุณดูผู้จัดการทีม เรนเจอร์ส คนก่อนๆ นี้ อย่างเช่น แกรม ซูเนสส์ หรือ วอลเตอร์ สมิธ และคนอื่นๆที่อยู่มาก่อนผม พวกเขาไม่เคยพอใจกับการคว้าแชมป์รายการเดียว เพราะความต้องการของสโมสรแห่งนี้ และความรับผิดชอบคือ การเพิ่มความสำเร็จตลอดเวลา”

ผู้เข้ามาปลุกยักษ์หลับ

ความสำเร็จของ เจอร์ราร์ด กับ เรนเจอร์ส เมื่อฤดูกาลที่แล้วมันเป็นมากกว่าพาสโมสรกลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้มันเป็นเวลานานกว่าทศวรรษที่พลพรรค “เดอะ ไลท์บลูส์” ต้องเผชิญกับความตกต่ำ

ในปี 2012 เรนเจอร์ส โดนปรับลงไปเล่นในลีกระดับต่ำสุดของสก็อตแลนด์หลังจากมีปัญหาเรื่องสถานะทางการเงิน ซึ่งมันก็ทำให้คู่แค้นตลอดกาลอย่าง กลาสโกว์ เซลติก กวาดแชมป์ลีกสูงสุดนาน 9 ปีติดต่อกันก่อนจะถูกทีมของ เจอร์ราร์ด หยุดสถิติเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากจะคว้าแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เรนเจอร์ส ยังทำสถิติเหลือเชื่อด้วยการไม่แพ้ในลีกเลยแม้แต่เกมเดียว โดยเก็บได้มากถึง 102 คะแนน และทิ้งห่าง เซลติก มากถึง 25 แต้ม ซึ่งมันเป็นการบ่งบอกว่า “เดอะ ไลท์บลูส์” กำลังกลับมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ด ยังไม่หลงระเริง และคิดว่า เรนเจอร์ส ต้องพัฒนาทีมให้ดีมากกว่านี้อีก โดยระบุว่า “ผมคิดว่าที่ เรนเจอร์ส มันเป็นความท้าทายอย่างมาก ตั้งแต่ผมมาที่นี่ครั้งแรกในฤดูร้อนปี 2018 เราผ่านความท้าทายมากมายที่กำหนดไว้สำหรับผม สต๊าฟฟ์ และผู้เล่นของผม แต่เราก็ทำมันสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว”

“เราประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ เราสร้างประวัติศาสตร์เมื่อปีที่แล้ว แต่มันเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน และสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมา ผมคิดว่างานนี้มาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาลในทุกฤดูกาลถึงแม้ว่า คุณจะประสบความสำเร็จ เพราะมันมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่เสมอ คุณต้องรีเซ็ต และเตรียมพร้อมที่จะไปอีกครั้งเสมอ ความกดดันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย แต่ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นเหมือนกับในวันแรกที่ผมเข้ามา”

“งานของผมทุกวันมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่จะพยายามทำให้สโมสรนี้ดีขึ้น และพยายามต่อไปเพื่อความสำเร็จ ตอนนี้เราตั้งเป้าหมายไว้สำหรับการสิ้นสุดฤดูกาล และนั่นคือการพยายามเป็นทีมที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และคว้าแชมป์ให้ได้มากกว่าปีที่แล้ว”

อนาคต และความกดดัน

ในวัยเพียง 41 ปี เจอร์ราร์ด เริ่มมีอาชีพผู้จัดการทีมที่โดดเด่นอย่างมาก ซึ่งหลายคนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะกลับไปรับหน้าที่คุมทีมเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล แต่ “สตีวี่จี” ก็ยังไม่คิดไกลถึงเรื่องอนาคต และต้องการจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด

อดีตมิดฟิลด์ “หงส์แดง” กล่าวว่า “ผมไม่สามารถควบคุมการคาดเดาของสื่อมวลชนเกี่ยวกับตำแหน่งของผมได้ ผมไม่ตอบรับ ผมไม่ส่งเสริม เพราะทั้งหมดที่ผมทำคือ มุ่งเน้นไปที่งานของผมกับ เรนเจอร์ส ตอนนี้ผมรู้สึกปลาบปลื้ม และขอบคุณมากๆสำหรับตำแหน่งผู้จัดกานทีมของสโมสรแห่งนี้”

“ผมมีความสุขมากที่นี่ ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่า เรนเจอร์ส เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ผมปรับตัวได้แล้ว ผมมีความสุข และผมสามารถพัฒนาต่อไป และพยายามผลักดันทีมนี้ไปข้างหน้า”

เจอร์ราร์ด ยังมีสัญญากับ เรนเจอร์ส ยาวถึงปี 2024 และเจ้าตัวยังระบุว่า งานของเขากับพลพรรค “เดอะ ไลท์บลูส์” ยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งเขายังคงสนุกกับการทำงานที่สโมสรแห่งนี้ และชอบจะเผชิญกับความท้าทาย

นายใหญ่ เรนเจอร์ส กล่าวต่อว่า “มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมองแรงกดดันนั้นอย่างไร คุณสามารถนำมันมาใส่ความคิดของคุร และทำให้ตัวเองเครียด หรือคุณอาจมองว่ามันเป็นความท้าทายด้วยการวามันลงบนบ่าของคุณ และจัดการกับมันให้ได้”

“มันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ และต้องการสำหรับตัวคุณเองในการประสบความสำเร็จ สำหรับผมเอง ผมมักจะต้องการอยู่ในตำแหน่งที่มีความกดดัน และมีความรับผิดชอบมากๆ เพราะมันหมายความว่าคุณอยู่ในงานที่ยอดเยี่ยม และถ้าคุณดีพอคุณก็จะเอาชนะมัน และมันจะเป็นประสบการณ์ที่ติดตัวคุณไปตลอด”

“ตอนนี้เรากลายเป็นทีมที่ทุกคนต้องการจะล้มลงจากตำแหน่งแชมป์เก่า ดังนั้น เราจะต้องพยายามปกป้องสิ่งนั้นด้วยชีวิตของเรา และมุ่งมั่นต่อไปด้วยทุกสิ่งที่เรามี”

บททดสอบในฟุตบอลยุโรปของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

เรนเจอร์ส ไม่ได้มีส่วนร่วมในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว และในเดือนสิงหาคมนี้พวกเขาต้องทำศึกรอบคัดเลือกกับ มัลโม่ แชมป์ลีกสวีเดน ซึ่งหากพวกเขาเอาชนะได้ก็จะสามารถเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มทันที

เจอร์ราร์ดกล่าวว่า “มันเป็นงานใหญ่มาก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มันเป็นระดับที่สูงขึ้นจาก ยูโรป้า ลีก ดังนั้น เราต้องพร้อมสำหรับสิ่งนั้น มันจะเป็นความท้าทายที่ยากลำบากในการเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย แต่สำหรับผมด้วยประสบการณ์ทั้งหมด ผมจะโฟกัสแต่การคว้าชัยชนะเท่านั้น”

“สโมสรต้องการการเงินจากการไปเล่นในฟุตบอลยุโรป และแฟนบอลก็คาดหวังให้ทีมทำผลงานได้ดีเช่นกัน เรามีการเดินทางที่น่าตื่นเต้นในยุโรปมาแล้ว 3 ครั้งในช่วง 3 ฤดูกาลที่แล้ว เราไปถึงรอบ16 ทีมสุดท้ายในยูโรป้า ลีก 2 ครั้ง ซึ่งมันคือ การยกระดับทีม และตอนนี้เราจะพยายามก้าวไปอีก 1-2 ก้าว”